เกี่ยวกับเอกสาร
การตัดกระแสไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการขายเชื้อเพลิงไปยังเมียวดีโดยรัฐบาลไทยได้เปิดปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมมาหลายทศวรรษ ทั้งการหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ ยาเสพติด แรงงานข้ามชาติ การเข้าเมืองผิดกฎหมาย ฯลฯ ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น มีประเด็นการขยายอิทธิพลธุรกิจสีเทาข้ามชาติ และบทบาทของรัฐบาลจีนที่เข้ามาจัดการปัญหาเองในพรมแดนอาเซียน เกิดคำถามว่าอาเซียนเพิกเฉยปล่อยปัญหาบานปลายกระทบความมั่นคง เศรษฐกิจ และเปิดโอกาสให้ประเทศนอกภูมิภาคเข้ามาจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC ประเมินว่าในปี 2023 การหลอกลวงทางไซเบอร์มีเหยื่อในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้สูญเสียเงินสูงถึง 18,000-37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ภูมิภาคนี้ตกเป็นฐานการเติบโตของเศรษฐกิจใต้ดินและการฟอกเงิน และก้าวขึ้นเป็นฐานอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่รายงานของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (USIP) ชี้ให้เห็นว่า อาชญากรรมข้ามชาติในเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา ขยายตัวขึ้นตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิด-19 อาศัยช่องว่างการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ชเว โก๊กโก่ ก่อนโควิด-19 ขบวนการเหล่านี้มีการโฆษณาแอบอ้างว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road (BRI) ของจีน มีแผนการพัฒนาเป็นศูนย์การพนันออนไลน์ ดึงดูดนักพนัน นักท่องเที่ยวและแรงงานชาวจีน คาดว่าจะสร้างรายได้สูงถึง 145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
หลังมาตรการล็อคดาวน์ปิดพรมแดนช่วงโควิด-19 แผนการล่มสลาย ขบวนการเหล่านี้จึงต้องปรับกลยุทธ์หาแรงงานใหม่โดยโฆษณาชวนเชื่อรับสมัครงานด้านไอทีได้รับค่าตอบแทนสูงในประเทศไทย คาดว่าเฉพาะในกัมพูชามีเหยื่อราว 50,000-100,000 คนจากทั่วโลกถูกหลอกให้เดินทางมาและถูกบังคับให้ทำผิดงานผิดกฎหมาย ซึ่งคาดว่าในเมียนมาอาจมีจำนวนเหยื่อสูงกว่านั้น
อาเซียนกลายเป็นฐานอาชญากรรมข้ามชาติโดยการใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคม โทรคมนาคม สัญญาณอินเทอร์เน็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกในการค้าชายแดนอื่น ๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์ใน SEZ ซึ่งขาดกลไกการจัดการของภาครัฐ ขาดอุปสงค์-อุปทาน และการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงเกิดช่องว่างการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนให้กลุ่มธุรกิจสีเทาเข้ามาใช้ประโยชน์ในคาสิโน โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ใน SEZ เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจใต้ดิน ขบวนการเหล่านี้ขยายฐานแพร่กระจายไปทั่วอาเซียน ในปี 2024 มีบริษัทพนันออนไลน์ตั้งในฟิลิปปินส์ว่า 400 แห่ง ซึ่งจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ฐานทัพสหรัฐฯ ในกรุงมะนิลาถูกรัฐบาลสั่งปิดไปแล้ว สะท้อนว่าขบวนการเหล่านี้กำลังแผ่อิทธิพลและยึดฐานที่มั่นในอาเซียน
อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ขยายธุรกิจไปถึง Malware Generative AI และ Deepfakes โดยใช้กลไกสกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการฟอกเงินที่ซับซ้อนของเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายอย่างครบวงจรสร้างมูลค่าเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยที่อำนาจรัฐในอาเซียนไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินคดีและติดตามเส้นทางการเงินกลับมาชดใช้ผู้เสียหายได้
UNODC ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติมองเห็นโอกาสจากช่องโหว่ของขอบเขตพื้นที่การบังคับใช้กฎหมาย และใช้กลยุทธ์การบุกเบิกพื้นที่ซึ่งยากต่อการเข้าถึง หรืออยู่ใต้อิทธิพลของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่งอำนาจรัฐเข้าไม่ถึง ง่ายต่อการจัดสรรผลประโยชน์กับผู้มีอำนาจในท้องถิ่น ปัจจุบันองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้มีพฤติการณ์ในการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินและขยายอิทธิพลข้ามพรมแดนบริเวณนี้อย่างไม่ลดละความพยายาม สร้างความท้าทายต่อการกำกับดูแลพื้นที่ชายแดนของภาครัฐ
ปัญหาคือรัฐบาลอาเซียนปล่อยให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ในการประชุมอาเซียนซึ่ง สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพในปีที่ผ่านมา ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าของการจัดทำ ASEAN Border Management Roadmap ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาของที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (AMMTC) มีแผนการดำเนินงานหลักใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล 2) พัฒนามาตรฐานการจัดการและการควบคุมพรมแดน 3) พัฒนาขีดความสามารถและความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4) ร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายและต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และ 5) พัฒนาเทคโนโลยีในการจัดการพรมแดน โดยขีดเส้นใต้ว่าทั้งหมดนั้นยังคงเป็น Roadmap ยังไม่มีการปฏิบัติการร่วมกันอย่างเป็นทางการในนามอาเซียน
อาเซียนมีพัฒนาการที่โดดเด่นในด้านการเชื่อมโยงเส้นทางระหว่างประเทศ และการอำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดน แต่กลับขาดแผนการรับมือจากผลกระทบเชิงลบ รวมถึงขาดเจตจำนงร่วมอย่างแข็งขันของสมาชิกในหยิบยกปัญหานี้ให้เป็นวาระเร่งด่วนของอาเซียนเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกัน เพราะแน่นอนว่ากลุ่มขบวนการในชเว โก๊กโก่ต้องย้ายไปหาฐานที่มั่นใหม่ในอาเซียน ดังบทเรียนหลังการปราบปรามในสีหนุวิลล์ซึ่งทิ้งไว้เพียงร่องรอยของอาคารร้าง
การแก้ปัญหาในลักษณะต่างคนต่างทำหรือทวิภาคีเป็นรายกรณี มิได้ทำในนามของอาเซียนอย่างเป็นเอกภาพ จึงเปิดโอกาสให้ประเทศนอกภูมิภาคเข้ามามีบทบาทในพรมแดนอาเซียนซึ่งแน่ชัดว่าไม่เป็นผลดีต่อการรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในระยะยาว
ผู้เขียน
กอปร์ธรรม นีละไพจิตร
นักวิจัยอาวุโส
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
www.itd.or.th
ตีพิมพ์ : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ Section : First Section/World Beat
ปีที่ 38 ฉบับที่ 12846 วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568
หน้า 8 (ล่างขวา) คอลัมน์ “Asean Insight”