บทความวิชาการ

‘Gastrainable Tourism’ โอกาสทองของอาเซียน

เกี่ยวกับเอกสาร

การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งเปี่ยมไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและอาหารอันหลากหลาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาสัมผัส ไม่เพียงแค่รสชาติอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน

ในขณะที่การประชุม ASEAN Tourism Forum 2025 เมื่อเดือนมกราคม 2568 ได้ตอกย้ำถึงเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ส่งผลให้ “Gastrainable Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นตามฤดูกาล การลดการปล่อยมลพิษ ไปจนถึงการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย กลายเป็นโอกาสอันสำคัญยิ่งของอาเซียน

IMARC Group บริษัทวิจัยตลาดระดับโลกคาดว่าช่วงปี 2568-2576 ตลาด Gastronomy Tourism ของโลกมีแนวโน้มเติบโตถึงปีละ 14.46% (CAGR) สู่มูลค่า 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2576 หรือเติบโต 4 เท่าจากปัจจุบัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการที่นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแค่การรับประทานอาหารรสชาติดี แต่รวมไปถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตผ่านอาหารด้วย

IMARC Group ยังชี้ว่าอิทธิพลของ Social Media เช่น Instagram และ TikTok ช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวหันมาสนใจ Gastronomy Tourism มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่ชื่นชอบการค้นหาอาหารท้องถิ่นแปลกใหม่ การเรียนรู้วัฒนธรรมผ่านอาหาร และการแบ่งปันประสบการณ์ผ่าน Social Media ทั้งนี้ ประเภทของ Gastronomy Tourism ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่
เทศกาลอาหาร การเรียนทำอาหาร และเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร

Marriot International ชี้ว่าเอเชีย-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ครองส่วนแบ่งตลาด Gastronomy Tourism สูงที่สุดในโลกที่ 37.8% โดยประเทศในอาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าจับตามอง ทั้งไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก Google Trends ที่ชี้ให้เห็นถึงปริมาณการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “อาหารไทย” “อาหารเวียดนาม” และ “อาหารสิงคโปร์” ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19

สถานการณ์ข้างต้นบ่งชี้ว่าตลาดโลกมีความต้องการ Gastronomy Tourism สูง ในขณะที่อาเซียนก็มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการจากจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม และอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับแรงสนับสนุนจาก “ปฏิญญาร่วมของรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน” ที่มุ่งเน้นการพัฒนา Gastronomy Tourism ควบคู่ไปกับความยั่งยืน และ ASEAN Tourism Forum 2025 ที่เน้นย้ำเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ Gastrainable Tourism กำลังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในอาเซียน โดยผู้ประกอบการและเกษตรกรในอาเซียนอาจคว้าโอกาสนี้ด้วยการประยุกต์ใช้แนวทางความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ จากตัวอย่างดังนี้

เกษตรกรและร้านอาหาร: เกษตรกรส่งผักผลไม้ออร์แกนิกให้ร้านอาหาร ร้านอาหารนำวัตถุดิบมาปรุงเป็นเมนูที่น่าสนใจ พร้อมระบุที่มาและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและส่งเสริมภาพลักษณ์ของร้าน ผลลัพธ์คือ เกษตรกรมีตลาดรองรับผลผลิต ด้านร้านอาหารได้วัตถุดิบคุณภาพดี ราคาเป็นธรรม และสร้างความแตกต่าง ด้านนักท่องเที่ยวได้รับประทานอาหารรสชาติดี ปลอดภัย และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นและความยั่งยืน

โรงแรม บริษัทนำเที่ยว และชุมชน: จัด Gastrainable Tour พานักท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตและอาหารของชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เรียนการทำอาหารพื้นเมือง เยี่ยมชมเทศกาลอาหารและฟาร์มท้องถิ่น พัก Homestay ที่เน้นธรรมชาติ ใช้พลังงานน้อย และรับประทานอาหารกับครอบครัวในท้องถิ่น ผลลัพธ์คือ โรงแรมมีกิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ด้านบริษัทนำเที่ยวมีแพ็คเกจทัวร์ที่ตอบโจทย์เทรนด์นักท่องเที่ยว สำหรับชุมชน เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นและได้สืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น

ธุรกิจ Startup และร้านอาหาร: Startup พัฒนา Application แนะนำร้านอาหารที่เน้น Gastrainable Tourism โดยรวบรวมข้อมูลร้านอาหาร เช่น เมนู ราคา ที่ตั้ง และรีวิว โดยร่วมมือกับร้านอาหารในชุมชน เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ผลลัพธ์คือ Startup มีฐานข้อมูลร้านอาหาร ผู้ใช้งาน และมีรายได้จากค่าโฆษณา ขณะที่ร้านอาหารเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เพิ่มยอดขาย และได้ประชาสัมพันธ์ร้านค้า ส่วนนักท่องเที่ยว สามารถค้นหาร้านอาหารได้ง่าย สะดวก และมีข้อมูลครบถ้วน

โดยสรุปอาหารท้องถิ่นและความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญของ Grastrainable Tourism ซึ่งเป็นโอกาสทองของอาเซียนในการดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ และพัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ซึ่งหากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง Grastrainable Tourism จะกลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของอาเซียนอย่างยั่งยืนในอนาคต

ผู้เขียน
วรัญญา ยศสาย
นักวิจัยอาวุโส
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
www.itd.or.th
ตีพิมพ์ : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ Section : First Section/World Beat
ปีที่ 38 ฉบับที่ 12826 วันพุธที่ 29 มกราคม 2568
หน้า 8 (ซ้าย) คอลัมน์ “Asean Insight”

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

Top