บทความวิชาการ
view 110 facebook twitter mail

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอินโดนีเซีย : โอกาสและความท้าทาย

เกี่ยวกับเอกสาร

ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) กำลังเป็นกระแสหลักของการขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก อินโดนีเซียได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างสูง ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่และการสนับสนุนจากภาครัฐ  ส่งผลให้อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน

ปี 2567 อุตสาหกรรม EV ในอินโดนีเซียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากข้อมูลล่าสุดคาดว่ามูลค่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 533 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ด้วยการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 25% (CAGR) ประกอบกับอินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีประชากรถึง 275 ล้านคน เศรษฐกิจขยายตัวในอัตรา 5% ในปี 2566 และคาดว่าจะขยายตัว 5% ในปี 2567

อินโดนีเซียมีทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า และนิกเกิลที่มีอยู่ในปริมาณมากทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นแหล่งผลิตแบตเตอรี่ที่สำคัญของโลก ปัจจุบันอินโดนีเซียมีการผลิตนิกเกิลกว่า 30% ของการผลิตนิกเกิลทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทต่างชาติหลายแห่ง เช่น Tesla และ LG Chem ได้เริ่มลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในอินโดนีเซีย

รัฐบาลอินโดนีเซียได้กำหนดนโยบายสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม EV อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศให้ได้ 600,000 คันต่อปีภายในปี 2573 (2030) และการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสินค้าให้กับผู้ผลิต EV และผู้บริโภค รัฐบาลยังได้กำหนดแผนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 31,000 สถานีภายในปี 2568

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้กำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 (2050) ซึ่งการสนับสนุนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนนี้ นโยบายเหล่านี้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้ผลิตจากต่างประเทศในการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน อินโดนีเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงสุดในการพัฒนาอุตสาหกรรม EV สำหรับประเทศไทยและมาเลเซียได้มีการพัฒนาในด้านนี้เช่นกัน แต่ยังขาดทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งทำให้อินโดนีเซียมีความได้เปรียบในเชิงทรัพยากร

ขณะที่ประเทศไทยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างยาวนานและมีโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตรถยนต์ ซึ่งอินโดนีเซียยังคงต้องพัฒนาด้านนี้ต่อไป แต่ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลและการลงทุนจากต่างประเทศ อินโดนีเซียมีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

อุตสาหกรรม EV ในอินโดนีเซียมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ ด้วยปัจจัยข้างต้น นักลงทุนที่สนใจควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในภาคการผลิตแบตเตอรี่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ การสนับสนุนจากรัฐบาลและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค แต่ด้วยโอกาสที่มีอยู่มากมาย อินโดนีเซียถือเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่อุตสาหกรรม EV ในภูมิภาคอาเซียน

อุตสาหกรรม EV ในอินโดนีเซียกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมากมาย ทำให้ประเทศนี้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม EV ในภูมิภาคอาเซียน นักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนควรพิจารณาอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรม EV ในอนาคต

ผู้เขียน
น้ำผึ้ง ทัศนัยพิทักษ์กุล
นักวิจัยอาวุโส
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
www.itd.or.th
ตีพิมพ์ : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ Section : First Section/World Beat
ปีที่ 37 ฉบับที่ 12706 วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567
หน้า 8 (ล่าง) คอลัมน์ “Asean Insight”

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

Top