วันที่ 15 สิงหาคม 2566 เวลา 9:00 น. นายวิมล ปั้นคง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและส่งเสริมการวิจัย ในฐานะหัวหน้าโครงการ Improved Cross-Border Paperless Trade Measure ดร.วัชรัศมิ์ ลีละวัฒน์ ที่ปรึกษาโครงการ และคณะนักวิจัยของ สคพ. ร่วมกันคณะผู้ดำเนินงานโครงการ Establishment of Common Control Area ของสปป.ลาว นำโดย Mr. Vangchai Vang, Deputy Director of Export and Import Department ผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนจากกรมศุลกากร สปป.ลาว ได้เข้าพบ นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมและหอการค้าจังหวัด ผู้แทนขนส่งจังหวัดและผู้แทนสำนักงานจังหวัด ณ ศาลาว่าการจังหวัดนครพนม
นายวิมล ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า การดำเนินงานโครงการ Improved Cross-Border Paperless Trade Measure ในเส้นทาง 12 ภายใต้ ACMECS-ROK Branding Project Facilitating Cross-Border Trade Through Synchronization of Rule and Regulation in the ACMECS มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า โดยการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้ง 3 ประเทศ การจัดทำเว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลด้านกฎระเบียบและข้อมูลด้านการนำเข้าและส่งออก รวมทั้งศึกษาวิจัยเพื่อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการใช้ประโยชน์เส้นทาง R12 เพื่อประโยชน์ร่วมกันของจังหวัดนครพนม แขวงคำม่วน สปป.ลาว และจังหวัดกว่างบิงห์ เวียดนาม โครงการดังกล่าวนี้ได้นำแนวคิด Paperless trade ของ ESCAP มาปรับประยุกต์ใช้เชิงพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนทางการค้า ลดระยะเวลา และลดขั้นตอนด้านการนำเข้าและส่งออก เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของสินค้าที่ผลิตจากทั้ง 3 ประเทศ
นายชวนินทร์ กล่าวว่า จังหวัดนครพนมเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งเป็นจังหวัดชายแดนที่อยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งถือเป็นโอกาสด้านการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่สำคัญ การประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าโครงการ Improved Cross-Border Paperless Trade Measure เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน อย่างไรก็ตามที่ประชุมมีความเห็นว่าควรศึกษาให้ครอบคลุมกฎระเบียบทางการค้าของจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าสินค้าเกษตรที่สำคัญ ปัจจุบันจีนยังไม่ยอมรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้นการบังคับใช้กฎระเบียบด้านการนำเข้าและส่งออกของประเทศเพื่อนบ้านร่วมทั้งไทยยังขาดมาตรฐาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวว่าจังหวัดนครพนมยินดีร่วมมือในการดำเนินงานโครงการ รวมทั้งจะผลักดันโครงการดังกล่าวนี้ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการความร่วมมือจังหวัด (กรอ.จังหวัด) ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ทั้งนี้เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและผลักดันให้หน่วยราชการในจังหวัดนครพนมมีส่วนร่วมในการดำเนินงานโครงการนี้
