Hot News

รองวิชาการ ITD ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว NNA (Thailand) เกี่ยวกับสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน

visibility 67 facebook twitter mail

 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 สำนักข่าว NNA (Thailand) ในเครือ Kyodo News ได้สัมภาษณ์นายวิมล ปั้นคง รองผู้อำนวยการ (วิชาการ) สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เกี่ยวกับสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต โดยมีการนำเสนอใน หนังสือพิมพ์ออนไลน์ (บทความอยู่หน้า 1-3) และ link website https://www.nna.jp/news/2645755

ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบในการย้ายสู่โลกดิจิทัลและการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับท้าทายหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การผลิตและส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่ลดลงในปี 2566 โดยเฉพาะในส่วนของ Semiconductor devices ที่หดตัวมากกว่า 25.3% เมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบและราคาต้นทุนสูงขึ้น แม้กระนั้น การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในบทบาทของการลงทุนจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์จากตะวันตกและไต้หวันที่เข้ามาในไทย นั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก ในไต้หวันมีมหาวิทยาลัยถึง 9 แห่งร่วมมือกับบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) จัดทำหลักสูตรการศึกษาเซมิคอนดักเตอร์และมีเป้าหมายในการสร้างนักศึกษาที่มีความรู้ไม่น้อยกว่า 200 คนต่อปี นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมระยะสั้นและส่งเสริมให้นักศึกษาไทยไปฝึกงานในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ไต้หวัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการดึงดูดการลงทุนในอนาคต

แม้ว่าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจะกำลังมุ่ง Re-shoring เพื่อลดการพึ่งพาเอเชียในด้านเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังไม่มีการลงทุนโดยตรงในไทย เนื่องจากความซับซ้อนของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ไม่เท่าเทียมกับมาเลเซียและสิงคโปร์ และไม่มีค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ต่ำเท่ากับเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ แสดงความสนใจในการตั้งฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนาม และสามารถทำให้ EU ยังคงเป็นผู้นำในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอนาคตได้

ในทางปฏิบัติ การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงมีความสำคัญ รัฐบาลจะต้องระมัดระวังในการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ได้อย่างเท่าเทียม

ความพยายามของกรมส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบ front-end ในประเทศไทยถือเป็นสิ่งที่ควรเชื่อถือ เนื่องจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบันของการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล และการใช้ EV ที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก การผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบ front-end มีค่าสูงกว่าแบบ back-end และจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจมากขึ้นสำหรับประเทศไทย แต่เรื่องทึควรทำให้มันเกิดขึ้นได้เร็วพอและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คือการดึงดูดการลงทุนที่มีคุณภาพและการพัฒนากำลังคนให้พร้อมสำหรับอุตสาหกรรมนี้

เรื่องที่จะใช้เวลานานเท่าใดนั้นมีความยากลำบากตั้งแต่การขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวข้องไปจนถึงการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดเวลาที่จะใช้ในการสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ front-end ในประเทศไทย

ในเรื่องของคู่แข่ง มีประเทศในภูมิภาคเอเชีย และมาเลเซีย เป็นคู่แข่งที่สำคัญ เวียดนามเน้นที่การสร้างศักยภาพในเซมิคอนดักเตอร์ front-end และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ส่วนสิงคโปร์ก็มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และมีความสนใจจากบริษัทชั้นนำ เช่น Global Foundries ที่ได้ทำการลงทุนในสิงคโปร์อีกครั้ง อุปสรรคสำคัญที่ต้องเผชิญคือการแข่งขันกับความสามารถและความเชี่ยวชาญของประเทศเหล่านี้ในการดึงดูดการลงทุนและการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมนี้

มุมมองเกี่ยวกับการส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในระดับ front-end ของ BOI เป็นเรื่องที่มีความท้าทายอยู่ในหลายด้าน การใช้ทรัพยากรมากเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำ แก๊ส และไฟฟ้า และการสรรหาบุคคลากรที่มีทักษะเป็นจำนวนมาก เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความท้าทาย อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสถียรของไทย โดยมีการเตรียมการจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น การจัดการน้ำในช่วงภัยแล้ง นอกจากนี้ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นที่น่าสังเกตได้อีกด้วย เช่น ความเสถียรของระบบไฟฟ้าที่มีคุณภาพมากกว่าคู่แข่งอย่างเวียดนาม

ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือด้านทักษะของบุคลากร แม้ว่าไทยจะมีการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะในด้านเซมิคอนดักเตอร์ แต่จำเป็นต้องมีการผลักดันและขับเคลื่อนจากภาครัฐอย่างจริงจังเพื่อให้มีจำนวนและคุณภาพของบุคลากรที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับทักษะของแรงงานในชาติอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการจัดการเรื่องของต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ทั้งในเรื่องของค่าไฟฟ้าและค่าแรง

การย้ายฐานการผลิต PCB จากจีนมายังภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย เป็นเรื่องที่ดีต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง การตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในไทยเพื่อรองรับการผลิต PCB ในท้องถิ่นจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อโลกกำลังมุ่งสู่การลดคาร์บอน

ในด้านแนวโน้มอนาคตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อตอบสนองการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่เร่งรัดขึ้น โดยในปีนี้ Generative AI จะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ของโลก และมีความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีของจีน-สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การ Re-shoring และ Friend-shoring ยังคงเป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Top