บทความวิชาการ

ปัญญาประดิษฐ์กับความตกลงการค้าเสรี

เกี่ยวกับเอกสาร

การบรรจุประเด็นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) เป็นส่วนหนึ่งของความตกลงการให้สิทธิพิเศษทางการค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  นับตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งความตกลงการค้าเสรีจีน-มอริเชียสได้กล่าวถึง AI เป็นครั้งแรก  ความตกลงการให้สิทธิพิเศษทางการค้าได้พัฒนาไปสู่การครอบคลุมประเด็นที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีเกิดใหม่ 

ข้อบทที่เกี่ยวข้องกับ AI มักแทรกอยู่ในกรอบการค้าดิจิทัลและธรรมาภิบาลข้อมูล โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน การใช้ AI อย่างมีจริยธรรม ความโปร่งใสของอัลกอริทึม และการสร้างความไว้วางใจในระบบ AI  การบรรจุข้อบทที่เกี่ยวข้องกับ AI ลงในความตกลงการให้สิทธิพิเศษทางการค้าสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีความรับผิดชอบและเท่าเทียม 

การบรรจุข้อบทเกี่ยวกับ AI ในความตกลงการค้าเสรีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เดือนมกราคม 2025 มีความตกลงการค้า 14 ฉบับจากทั้งหมด 16 ฉบับทั่วโลกที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับ AI   ประเทศภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีบทบาทในการขับเคลื่อนการบรรจุข้อบทเกี่ยวกับ AI ในความตกลงการค้าเสรี ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วย สิงคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ออกนโยบายเฉพาะด้าน AI และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การไหลเวียนของข้อมูล ความมั่นคงทางไซเบอร์  รวมทั้งกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนา AI

AI มีลักษณะครอบคลุมหลายมิติ ส่งผลให้การกล่าวถึง AI ปรากฏอยู่ในหลายข้อบทของความตกลง ได้แก่ กรอบการค้าดิจิทัล ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมนวัตกรรม จากความตกลงการค้าระหว่างประเทศทั้งหมด 14 ฉบับในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พบว่า 9 ฉบับมีบทบัญญัติที่มุ่งเน้น AI โดยเฉพาะ ขณะที่อีก 5 ฉบับได้บรรจุบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับ AI ไว้ในกรอบความร่วมมือที่กว้างขึ้น

ปัจจุบันมีความตกลงทางการค้าทั่วโลกเพียง 2.5% ที่กล่าวถึง AI อย่างชัดเจน  แต่มีแนวโน้มที่การกำหนดบทบัญญัติเฉพาะที่มุ่งเน้นกรอบการกำกับดูแลด้านจริยธรรมเกี่ยวกับ AI จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คุณลักษณะบทบัญญัติด้าน AI  ที่สำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย 

(1) การตระหนักถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีเกิดใหม่และ/หรือ  AI ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญทั้งแก่บุคคลธรรมดาและภาคธุรกิจ

(2) การส่งเสริมการพัฒนาแนวทางกำกับดูแลเทคโนโลยี AI ที่สอดคล้องในระดับสากล เพื่อให้มั่นใจถึงการใช้งานที่มีจริยธรรม น่าเชื่อถือ และรับผิดชอบ 

(3) การมุ่งเน้นความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ด้าน AI  เช่น การแบ่งปันผลงานวิจัย การใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ การสร้างโอกาสทางการค้า และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

ความตกลงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้สร้างบรรทัดฐานเบื้องต้นสำหรับการกำกับดูแล AI แต่ยังคงมีขอบเขตที่จำกัดและขาดกลไกบังคับใช้ที่เข้มงวด  การมีสมาชิกที่ครอบคลุมทุกระดับเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างกฎเกณฑ์ทางการค้าที่สมดุลและเป็นธรรมมากขึ้น 

ประเทศกำลังพัฒนาขนาดเล็กยังคงเผชิญความท้าทายอย่างมากในการเข้าร่วม เนื่องจากข้อกำหนดทางการค้าของ AI เกี่ยวข้องกับกรอบกฎหมายที่ซับซ้อน กฎระเบียบเกี่ยวกับการไหลเวียนของข้อมูลข้ามพรมแดน และมาตรฐานสากลที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประเทศกำลังพัฒนายังคงขาดความเชี่ยวชาญและกลไกเชิงสถาบันที่จำเป็นสำหรับการพัฒนานโยบายการค้าแบบดิจิทัลที่สนับสนุนการค้าและการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างมีความน่าเชื่อถือ

การประสานความร่วมมือด้านกฎระเบียบ และการพัฒนาโครงการเสริมสร้างศักยภาพจึงมีความจำเป็นต่อการพัฒนาการใช้ประโยชน์ AI  รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการเจรจาการค้าด้าน AI   ทั้งนี้ UNESCAP ได้นำเสนอเครื่องมือเพื่อช่วยลดช่องว่างเหล่านี้ ประกอบด้วย ดัชนีการบูรณาการการค้าแบบดิจิทัลระดับภูมิภาค (Regional Digital Trade Integration Index: RDTII) ซึ่งให้ประเทศต่าง ๆ ประเมินสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบทางการค้าแบบดิจิทัล และปรับนโยบายภายในประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลกและระดับภูมิภาค 

LEGAL TINA ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เจรจาการค้าสามารถค้นหาและเปรียบเทียบบทบัญญัติต่าง ๆ จากความตกลงการค้ากว่า 500 ฉบับ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบกลยุทธ์การเจรจา และกรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษในเอเชียและแปซิฟิกของ UNESCAP ซึ่งเป็นเวทีระหว่างรัฐบาลที่ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถร่วมมือกันพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับการแลกเปลี่ยนและการรับรองข้อมูลและเอกสารทางการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์

เครื่องมือเหล่านี้ รวมถึงโครงการริเริ่มอื่น ๆ สามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนาในการเข้าร่วมเจรจาความตกลงการค้าเสรีในประเด็นเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่ การปฏิบัติตามข้อผูกพันระหว่างประเทศ และการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปในประเทศอย่างยั่งยืนและการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ

ผู้เขียน
วิมล ปั้นคง
รองผู้อำนวยการ (วิชาการ)
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)
www.itd.or.th
ตีพิมพ์ : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ Section : First Section/World Beat
ปีที่ 38 ฉบับที่ 12851 วันพุธที่ 5 มีนาคม 2568
หน้า 8 (ล่างซ้าย) คอลัมน์ “Asean Insight”

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

Top